1. ออกกำลังกายด้วยกัน หลังอาหารเย็น แทนที่จะพากันไปดูทีวี แยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมัน ให้ชวนกันไปเดินย่อยอาหาร พูดคุยกันเรื่องเบาๆ แต่ไม่ใช่เวลาคุยเรื่องผลการเรียนหรืองานที่น่าเบื่อ ควรเป็นเวลาที่สนุกสนานสำหรับทุกคน และเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนอยากจะทำต่อไปเรื่อยๆ
2. ตั้งเป้าหมายวันละ 1 ชม. ซึ่งประกอบด้วยการออกกำลังทั้ง 3 แบบ คือ แบบแอโรบิก (วิ่งหรือเดินเร็วๆ) แบบเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (วิดพื้น) และ แบบเสริมความแข็งแรงของกระดูก (กระโดดเชือก) โดยไม่จำเป็นทำรวดเดียวทั้ง 3 แบบ ให้แบ่งทำทั้งวันก็ได้ค่ะ และ ให้นับรวมถึง การพาสุนัขออกไปเดินเล่นเร็วๆ หรือ วิ่งเล่นซ่อนแอบ
3. ใช้อุปกรณ์นับจำนวนก้าวที่เดิน เพราะว่าเด็กๆรักการมีอุปกรณ์ประกอบการทำกิจกรรม จะช่วยให้มีแรงจูงใจให้เคลื่อนไหวมากขึ้น ซื้อให้คนละอันติดตัวไว้ อาจมีการแข่งขันกันภายในบ้านว่าใครเดินได้มากกว่า เดินได้เร็วกว่า และแข่งกันทำลายสถิติตัวเอง
4. ควรมีอุปกรณ์เล่นกีฬาง่ายๆ เช่น เชือกกระโดด ลูกบอลเป่าลม และสะสมของเหล่านี้เอาไว้ในที่ลับ เมื่อเราเอาออกมาให้ลูกเล่นเวลาที่ลูกเบื่อ จะรู้สึกมีคุณค่ามาก
5. พาลูกไปร่วมกิจกรรมเหล่านี้ เช่น พาไปเล่นที่สนามเด็กเล่น หรือ สนามฟุตบอล หรือ สวนสาธารณะ หรือ ไปปิคนิคในสวนริมทะเลสาบกับเพื่อนๆ เมื่อไปถึงสถานที่เหล่านี้แล้ว คุณแทบไม่จำเป็นต้องบอกให้ลูกขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ลูกจะวิ่งไม่หยุดเอง เพราะสถานที่ชวนให้วิ่งเล่น หรือ ลูกจะวิ่งเข้าไปเล่นกับเพื่อนได้เองโดยอัตโนมัติ
6. พาลูกไปดูว่าชอบกิจกรรมการเคลื่อนไหวแบบไหน ไม่ว่าจะเป็น เทควันโด เต้นรำ เทนนิส หรือ โยคะ พาไปทดลองเรียนฟรีดูก่อน ว่าลูกชอบไหม
7. เล่นวิดิโอเกมส์ดีไหม ถ้าเลือกเล่นเกมส์ที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของลูก เช่น เกมส์ Wii ก็ให้เล่นได้บ้าง จะช่วยเผาผลาญพลังงานมากกว่าการเล่นเกมส์แบบนั่งอยู่กับที่ แต่ก็ไม่ควรเล่นเกินวันละ 1 ชม.
8. ชวนลูกทำกิจกรรมสนุกๆ แต่ได้ออกกำลังกายไปด้วย เช่น กระโดดจับมือลูกเข้าไปในกองหญ้าแห้ง คุณแทบไม่ต้องสั่งให้ลูกออกกำลังกายเลย เพราะมันสามารถแทรกอยู่ในกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว เช่น การทำสวน การเดินไปห้องสมุด การล้างรถ เป็นต้น
9. ให้กำลังใจลูก บางครั้งลูกยังไม่พร้อมในตอนนี้ ก็อย่าเพิ่งถอดใจเลิกสนับสนุนให้ลูกเล่นกีฬา ให้ชมเชยลูกทีละขั้นทีละตอนที่ลูกทำได้ อาจให้ลูกเริ่มจากกิจกรรมที่ไม่ต้องแข่งขันกับใคร เพราะเด็กบางคนไม่ชอบการแข่งขัน เคล็ดลับ คือ การให้ลูกได้ลองทำกิจกรรมหลายๆอย่าง ชี้ให้ลูกเห็นว่า การออกกำลังกายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน
10. คุณควรออกกำลังกายให้ลูกเห็นเป็นตัวอย่าง
11. แทรกการออกกำลังกายเข้าไปในชีวิตประจำวันของตัวคุณเองด้วย เช่น เวลาไปห้างสรรพสินค้า ให้คุณจอดรถให้ไกลจากทางเข้าห้างเพื่อที่จะได้เดินไกลขึ้น เลือกการเดินขึ้นบันไดเลื่อนแทนที่จะรอลิฟท์ แข่งกันเก็บของเล่นเข้าที่ หรือ แข่งกันกวาดใบไม้มากองรวมกัน และ พยายามแทรกโอกาสในการได้เดิน วิ่ง กระโดด และ การเล่นเข้าไปในชีวิตประจำวันจนกลายเป็นนิสัยที่ติดตัวลูกไปจนโตในที่สุด
1 มิ.ย. 2567
1 มิ.ย. 2567
6 มิ.ย. 2567
6 มิ.ย. 2567