Last updated: 29 เม.ย 2566 | 335 จำนวนผู้เข้าชม |
การตัดสินใจมีบุตรสักคน เป็นเรื่องสำคัญของครอบครัว เพราะนอกจากจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตแล้ว ค่าใช้จ่ายก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการมีบุตร เริ่มตั้งแต่การฝากครรภ์ การคลอดบุตร การเลี้ยงดูบุตร ซึ่งมักจะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง แต่สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์และอยู่ในระบบประกันสังคม อาจจะสามารถแบ่งเบาค่าใช้จ่ายดังกล่าว โดยการใช้สิทธิประโยชน์จากประกันสังคมได้ กระปุกดอทคอม
สิทธิค่าตรวจและการฝากครรภ์
ประกันสังคมได้มีการเพิ่มประโยชน์ทดแทนค่าตรวจครรภ์และฝากครรภ์ให้แก่ผู้ประกันตนอีก 1,000 บาท โดยแนวทางการขอรับประโยชน์ทดแทน จะต้องมีการจ่ายเงินเข้าประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนเดือนที่ใช้สิทธิ
เช่น ถ้าเริ่มตั้งครรภ์เดือนมีนาคม 2562 ประกันสังคมจะนับย้อนหลังไป 15 เดือน จากเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งภายในช่วงเวลาดังกล่าว ต้องมีการจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน และจะต้องมีหลักฐานการเข้ารับบริการจากสถานพยาบาลที่ไปใช้บริการฝากครรภ์ในแต่ละครั้ง ทั้งนี้ สิทธิการตรวจและการฝากครรภ์ให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 โดยประกันสังคมจะจ่ายผลประโยชน์ทดแทนให้ตามอายุครรภ์
- อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ ประกันสังคมจะจ่ายให้ตามจริง แต่ไม่เกิน 500 บาท
- อายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ ประกันสังคมจะจ่ายให้ตามจริง แต่ไม่เกิน 300 บาท
- อายุครรภ์มากกว่า 20 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 28 สัปดาห์ ประกันสังคมจะจ่ายให้ตามจริง แต่ไม่เกิน 200 บาท
ผู้ประกันตนสามารถยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนในส่วนค่าตรวจและรับฝากครรภ์เพิ่มเติมได้ ไม่ต้องรอให้มีการคลอดบุตร หรือจะยื่นขอรับพร้อมกับการยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตรก็ได้ กรณีสามีและภรรยาเป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าตรวจและรับฝากครรภ์เพียงฝ่ายเดียว ไม่สามารถใช้สิทธิพร้อมกันในการตั้งครรภ์แต่ละครั้ง
สิทธิค่าคลอดบุตร
สามารถเบิกค่าคลอดบุตรได้ 13,000 บาทต่อการคลอดบุตรแต่ละครั้ง จากเดิมไม่เกิน 2 ครั้ง มาเป็นไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยสามารถเบิกค่าคลอดบุตรได้เมื่อมีการจ่ายเงินเข้าประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนเดือนคลอดบุตร โดยนำสูติบัตรมาประกอบการยื่นเรื่องเบิกได้ที่สำนักงานประกันสังคม กรณีสามีและภรรยาเป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ ให้ใช้สิทธิในการเบิกค่าคลอดบุตรฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น
สิทธิการลาคลอด
คุณแม่ที่เป็นผู้ประกันตนสามารถลาคลอดได้ 90 วัน และจะได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรไม่เกิน 2 ครั้ง ในอัตราครั้งละร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย (ฐานเงินค่าจ้างสูงสุดที่นำส่งประกันสังคมอยู่ที่ 15,000 บาท) เป็นเวลา 90 วัน
สิทธิเงินสงเคราะห์บุตร
ประกันสังคมได้เพิ่มประโยชน์การรับเงินสงเคราะห์บุตรให้คุณพ่อหรือคุณแม่ผู้ประกันตนเพิ่มขึ้นจากเดือนละ 400 บาท ต่อบุตร 1 คน เป็นเดือนละ 600 บาท ต่อบุตร 1 คน และเบิกได้ไม่เกิน 3 คน โดยให้มีผลย้อนหลังใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 โดยจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตร เมื่อมีการจ่ายเงินเข้าประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน
ในการรับสิทธิเงินสงเคราะห์บุตรต้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย มีอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ (ไม่รวมบุตรบุญธรรม หรือบุตรที่ได้ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของผู้อื่น) แม้ว่าคุณพ่อหรือคุณแม่ที่ใช้สิทธิเกิดทุพพลภาพหรือเสียชีวิตก่อนลูกมีอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์ ประกันสังคมก็ยังจ่ายเงินสงเคราะห์บุตรจนบุตรมีอายุ 6 ปีบริบูรณ์ โดยจ่ายให้กับผู้อุปการะบุตร ซึ่งผู้อุปการะสามารถยื่นคำขอเพื่อรับสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตรได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่
อย่างไรก็ตาม แม้จะสามารถใช้สิทธิประโยชน์จากประกันสังคมและสิทธิลดหย่อนภาษีได้ แต่การมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาในครอบครัวจะมีค่าใช้จ่ายที่มากพอสมควรในการเลี้ยงดูบุตรให้เติบโต ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ จึงควรเตรียมความพร้อมด้วยการวางแผนทางการเงิน
สิทธิประโยชน์ค่าคลอดบุตร
· การจะใช้สิทธินี้จะต้องจ่ายเงินประกันมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 เดือนขึ้นไป หรือภายใน 15 เดือนก่อนคลอด โดยเงินที่ได้รับจะเป็นแบบเหมาจ่าย 15,000 บาท
· สามารถรับเงินกรณีหยุดงาน โดยจะคิดเป็น 50 % ของค่าจ้าง ในช่วงระยะเวลา 90 วัน
· กรณีทั้งคุณพ่อ และคุณแม่เป็นผู้ประกันตน จะใช้สิทธิได้แค่ 1 คนเท่านั้น แต่ไม่จำกัดจำนวนของบุตร และจำนวนครั้งในการใช้ในครรภ์ต่อ ๆ ไป
เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นเงินคลอดบุตร
· แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน สปส. 2-01 กรอกข้อมูลครบถ้วน
· สำเนาสูติบัตรของบุตร 1 ชุด หากเป็นลูกแฝดให้แนบมาทั้งหมด
· สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคารแบบออมทรัพย์ ถ่ายหน้าแรกมีเซ็นรับรอง ธนาคารที่ใช้ได้ คือ ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารทหารไทยธนชาต, ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารซีไอเอ็มบีไทย
· ยื่นเอกสารที่สำนักงานประกันสังคมได้ตามจุดที่สะดวก ยกเว้นสำนักงานใหญ่ที่กระทรวงสาธารณสุข
· หากเป็นคุณพ่อขอใช้สิทธิ ต้องแสดงทะเบียนสมรส หากไม่มีให้ใช้ใบรับรองผู้ประกันตนแทน
โดยการรับเงินจะเป็นการรับโอน หรือรับเป็นเงินสดให้ผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน หากผู้ที่มายื่นเอกสารเป็นตัวแทน จะได้รับเป็นเช็ค ผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน สามารถยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับจากวันที่แจ้งคำสั่ง หากไม่เห็นด้วยกับการสั่งจ่ายประโยชน์ทดแทนนี้
เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นสงเคราะห์บุตร
· แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส. 2-01)
· กรณีคุณแม่เคยยื่นใช้สิทธิแล้ว และต้องการใช้สิทธิให้บุตรคนเดิม ต้องใช้หนังสือขอใช้สิทธิบุตรคนเดิม 1 ฉบับ
· สำเนาสูติบัตรบุตร 1 ชุด กรณีคุณพ่อขอใช้สิทธิ ใช้สำเนาทะเบียนสมรส หรือสำเนาทะเบียนหย่า พร้อมบันทึกแนบท้ายผู้ประกันตน หรือสำเนาทะเบียนรับรองบุตร หรือสำเนาคำพิพากษา คำสั่งศาลด้วยกฎหมาย พร้อมกับสำเนาสูติบัตรบุตร 1 ชุด
· หากมีการเปลี่ยนชื่อ ให้แนบเอกสารเปลี่ยนชื่อ 1 ชุด
· สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคารแบบออมทรัพย์ ถ่ายหน้าแรกมีเซ็นรับรอง ธนาคารที่ใช้ได้ คือ ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารทหารไทยธนชาต, ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารซีไอเอ็มบีไทย
· เอกสารประกอบการยื่นคำขอประโยชน์ทดแทน ทุกฉบับเซ็นรับรองความถูกต้อง และแสดงเอกสารที่เป็นต้นฉบับ กรณีที่พิจารณาเป็นภาษาต่างประเทศ ให้จัดทำคำแปลภาษาไทย และรับรองความถูกต้องด้วย
สิทธิลาคลอด
วันลาคลอด และวันลาตรวจก่อนคลอดรวมแล้ว จะได้วันลาทั้งหมด 98 วัน โดยวันลาคลอดจะมี 90 วัน และวันลาก่อนคลอด 8 วัน โดยประกันจะจ่ายค่าจ้าง 45 วัน และนายจ้างจะจ่ายค่าจ้าง 45 วัน ส่วนในวันลาก่อนคลอด 8 วัน ไม่ได้มีการระบุไว้ว่าใครต้องจ่าย จึงเป็นวันที่คุณแม่อาจไม่ได้รับค่าจ้าง แต่สิทธิในการลาคลอดนี้ อาจมีข้อจำกัด หรือข้อตกลงที่แตกต่างกันไป ซึ่งคุณแม่จะต้องศึกษาในสัญญาของแต่ละบริษัทด้วย
เงื่อนไขการใช้สิทธิลาคลอดของผู้ประกันตน
· จ่ายประกันอย่างน้อย 5 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนคลอดบุตร
· สิทธิลาคลอดใช้ได้เฉพาะคุณแม่เท่านั้น คุณพ่อไม่สามารถใช้ได้
· ยอดการจ่ายรอบละ 15,000 บาท ถึงเงินเดือนจะมากกว่าจะได้รับแค่ 15,000 บาท
· สามารถรับค่าคลอดบุตรไม่จำกัดจำนวนครั้งการมีบุตร
· หากลา 90 วันแล้วกลับมาทำงานตามปกติ จะยังได้รับเงินลาคลอดอยู่
สิทธิฝากครรภ์ของผู้ประกันตน
คณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม มีประกาศเรื่องฝากครรภ์ตามเกณฑ์คุณภาพ ผู้ประกันตนจะได้รับค่าฝากครรภ์ 5 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,500 บาท แบ่งจ่ายตามอายุครรภ์ ดังนี้
· ไม่เกิน 12 สัปดาห์ จ่ายในอัตราจริงไม่เกิน 500 บาท
· มากกว่า 12 สัปดาห์ ไม่เกิน 20 สัปดาห์ จ่ายในอัตราจริงไม่เกิน 300 บาท
· มากกว่า 20 สัปดาห์ ไม่เกิน 28 สัปดาห์ จ่ายในอัตราจริงไม่เกิน 300 บาท
· เกิน 28 สัปดาห์ ไม่เกิน 32 สัปดาห์ จ่ายในอัตราจริงไม่เกิน 200 บาท
· เกิน 32 – 40 สัปดาห์ขึ้นไป จ่ายในอัตราจริงไม่เกิน 200 บาท
เอกสารที่ต้องใช้ในการเบิกฝากครรภ์
· แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน กองทุนประกันสังคม สปส. 2-01
· ใบเสร็จจากสถานพยาบาลที่คุณแม่ทำการฝากครรภ์
· สมุดบันทึกแม่ และเด็ก หรือใบรับรองแพทย์ ของช่วงอายุครรภ์
· หากคุณพ่อมาเบิกเงินแทนคุณแม่ ต้องมีหลักฐานการสมรสมาด้วย
หากเป็นค่าใช้จ่ายระยะสั้นเมื่อเริ่มตั้งครรภ์จนกระทั่งทำคลอด และค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรช่วงแรกเกิดถึงอายุ 2 ขวบ แนะนำคุณพ่อคุณแม่วางแผนเก็บสะสมในรูปกองทุนตลาดเงิน หรือกองทุนตราสารหนี้ แต่หากเป็นการวางแผนการศึกษา ซึ่งเป็นการวางแผนทางการเงินระยะยาว มีวิธีการลงทุนหรือออมหลากหลายที่จะช่วยสร้างความมั่นคงด้านชีวิตและทางการเงินไปพร้อมกัน เช่น การลงทุนในกองทุนรวมผสม หรือการทำประกันชีวิตแบบจ่ายแล้วได้รับเงินคืนระหว่างสัญญา ครบกำหนดรับเงินคืนเป็นก้อนไว้สำหรับเป็นเงินทุนสนับสนุนการศึกษาของลูกในอนาคต เป็นต้น
อ้างอิง: อัปเดต สิทธิประกันสังคมแม่ท้อง ปี 2566 สิทธิที่แม่ต้องรู้ ! (mamastory.net)
1 มิ.ย. 2567
6 มิ.ย. 2567
1 มิ.ย. 2567
6 มิ.ย. 2567